หากคุณสนใจในการใช้อาหารเพื่อที่จะลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง!! อย่าลืมกินหัวหอมให้มากเข้าไว้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่บริโภคหัวหอมมาก (เช่นเดียวกับผัก Allium อื่น ๆ ) มีความเสี่ยงต่ำของการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิดรวมไปถึง: (1,2,3,4)
ตับ ลำไส้ (5) และเซลล์ไต (ไต) หลอดอาหารและกล่องเสียง
ต่อมลูกหมาก (6) และลำไส้ใหญ่ เต้านม (7) รังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก
หัวหอมมีสารต้านมะเร็งหลายชนิดรวมถึง quercetin, anthocyanins, organosulfur สารประกอบเช่น diallyl disulfide (DDS), S-allylcysteine (SAC) และ S-methylcysteine (SMC) และ onionin A (ONA)
สารประกอบในหัวหอมยับยั้งโรคมะเร็งรังไข่…เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า onionin A (ONA)มีความสามารถในการป้องกันโรคมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ (EOC)(8) ชนิดที่พบบ่อยที่สุดของโรคมะเร็งรังไข่ Medical News Today ได้รายงานไว้ว่า : (9)
“ด้วยอัตราการรอดตายในห้าปีมีประมาณร้อยละ 40 ดังนั้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเจ็บป่วยมีความจำเป็น แม้ว่ารายใหม่ของโรคมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ (EOC) จะเป็นอันดับที่ 10 ในหมู่มะเร็งของเพศหญิง แต่ทีมงานกล่าวว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากชนิดของโรคมะเร็งรังไข่นี้กลับเป็นอันดับที่ 5 ในสหรัฐอเมริกา
ประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ (EOC) มีการกำเริบของโรคหลังการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในครั้งแรก ”
Onionin A (ONA) ในหัวหอมจะชะลอการเจริญเติบโตของมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ (EOC) นอกจากนี้สารประกอบนี้ยังยับยั้งกิจกรรมของมะเร็งอื่น ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพยาต้านมะเร็ง หนูที่เลี้ยงด้วย ONA มีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนานต่อไป ตามที่ผู้เขียนระบุว่า : “เราพบว่า ONA ลดขอบเขตของการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งรังไข่ที่เกิดจากการร่วมกันทำงานที่มีขนาดใหญ่ในมนุษย์ นอกจากนี้เรายังพบอีกว่า ONA ปราบปรามการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้โดยตรง
ดังนั้น ONA ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับการรักษาที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคมะเร็งรังไข่เนื่องจากการปราบปรามการเกิดเนื้องอก [เนื้องอกเกี่ยวข้องกับจำนวนเม็ดเลือดขาวแม็กโครเฟจ] และส่งผลโดยตรงกับเซลล์มะเร็ง “
รสชาติที่แรงมากขึ้น – ประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งที่สูงขึ้น
งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้เปิดเผยว่ารสชาติของหัวหอมทีแรงกว่าจะมีศักยภาพในการต้านมะเร็งที่ดีกว่า การศึกษาในปี 2004 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์หัวหอม 10 ชนิดที่แตกต่างกันและพบว่าหัวหอมเหล่านี้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่: (10,11)
โรคมะเร็งตับ: หอมแดง (shallots) หอมหัวใหญ่สีเหลือง (Western yellow onion)และหอมฉุน (pungent yellow onion)
มะเร็งลำไส้ใหญ่: หอมฉุน หอมหัวใหญ่สีเหลือง
หัวหอมรสอ่อน ๆ รสเช่น Empire Sweet, Western white, Peruvian sweet และ Vidalia มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระต่ำที่สุด จึงทำให้พวกเขามีศักยภาพน้อยกว่าในแง่ของผลประโยชน์ในการต้านมะเร็ง ตามที่ผู้เขียนนำ Dr. Rui Hai Liu ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร :
“หัวหอมเป็นหนึ่งในแหล่งที่มากที่สุดของ flavonoids ในอาหารของมนุษย์และการบริโภค flavonoid เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งโรคหัวใจและโรคเบาหวาน flavonoids ไม่เพียงแต่ป้องกันมะเร็งแต่ยังเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส ป้องกันภูมิแพ้และต้านการอักเสบ …
การศึกษาหัวหอม 10 สายพันธุ์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหอมหัวใหญ่และหอมแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระและกิจกรรมต้านการแบ่งเซลล์ ”
Quercetin – อีกสารประกอบที่มีศักยภาพในการต้านมะเร็ง
Quercetin ที่พบในหัวหอมได้รับการแสดงให้เห็นว่าลดโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นและยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งรังไข่ เต้านมและเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่สมอง (12) และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดถ้าคุณเป็นนักสูบบุหรี่ (13)
นอกจากนี้ Quercetin ยังได้รับการแสดงให้เห็นว่าช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง(14) และช่วยป้องกันการปล่อย histamine:สารเคมีที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันสร้างขึ้นเมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ”
Quercetin ยังมีในรูปแบบอาหารเสริม…..แต่การได้รับ flavonoid นี้ตามธรรมชาติจากหัวหอมสร้างความรู้สึกเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า(15,16)
Quercetin จะไม่สลายตัวผ่านการปรุงอาหารด้วยความร้อนต่ำเช่นการทำซุปหัวหอมที่ง่ายต่อการทำให้มันกลายเป็น “superfood”
!! ประโยชน์อื่น ๆ ของสารประกอบที่พบในหัวหอม
สารประกอบ organosulfur : DDS, SAC และ SMC ยังได้รับการค้นพบว่ามีการยับยั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งไต ในส่วนของการกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์เซลล์มะเร็งและยับยั้งการถอดรหัสยีนรวมถึงการปกป้องการเหนี่ยวนำจากรังสีอัลตราไวโอเลต (17)
หัวหอมยังเป็นแหล่งที่ดีของ :
•ไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่
•วิตามิน C18
• Anthocyanins (เม็ดสี : สีแดง สีม่วงและสีฟ้าที่พบในหอมสีแดง) งานวิจัยมีการเชื่อมโยง anthocyanins กับความเสี่ยงที่ลดลงสำหรับจำนวนของโรค รวมทั้งโรคมะเร็ง โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดรวมถึงความผิดปกติทางระบบประสาทและการฟื้นฟู
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคอ้วนและโรคเบาหวาน : ส่วนหนึ่งโดยการยับยั้งเอนไซม์บางอย่างในระบบทางเดินอาหารของคุณและโดยการสนับสนุนการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่มีสุขภาพดี พวกเขามีผลในการต้านการอักเสบที่มีศักยภาพซึ่งจะช่วยอธิบายถึงการป้องกันผลกระทบจากโรคเรื้อรังต่าง ๆ
ประโยชน์อีกมากมายของหัวหอม
ในขณะที่หัวหอมดูเหมือนว่าจะมีชื่อเสียงสำหรับคุณสมบัติในการต้านมะเร็งของพวกเขามากขึ้น แต่ที่มากไปกว่านั้นเกี่ยวกับหัวหอมก็คือ พวกเขามีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวมทั้งหมด
และนี่คือ !!!
ความงดงามของการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการเนื่องจากพวกเขามักจะมีสารอาหารจากพืชที่มีประโยชน์มากมายซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพของคุณในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างแค่หัวหอม : การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า..แค่เพิ่มหัวหอมลงในอาหารของคุณ คุณอาจได้รับประโยชน์ต่อไปนี้ : (19)
-ป้องกันไม่ให้เกิดกระบวนการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด
-ลดอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน
-ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
-ลดอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคกระดูกพรุนและปรับปรุงสุขภาพกระดูก
-รักษาสุขภาพของระบบทางเดินอาหารจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์อย่างยั่งยืน(พรีไบโอติก)
-ลดการจำลองแบบของไวรัส เอชไอวี
-ลดความเสี่ยงของความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท
-ลดความเสี่ยงของการก่อโรคต้อกระจก
-คุณสมบัติต้านจุลชีพที่อาจช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยจากอาหารเป็นพิษ
-ปรับปรุงการดูดซึมของลำไส้สำหรับแร่ธาตุ แคลเซียมและแมกนีเซียมจาก fructan ที่พวกเขามี
-ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
-ปรับปรุงสุขภาพหัวใจให้ดีขึ้น : สารประกอบกำมะถันมีคุณสมบัติในการต้านการแข็งตัวของเลือดและช่วยปรับปรุงระดับไขมันในเลือด
Allium และ allyl disulphide ในหัวหอม ช่วยลดความแข็งของหลอดเลือดโดยการเสริมสร้างการปล่อย “ไนตริกออกไซด์”
สิ่งนี้อาจช่วยลดความดันเลือดโลหิต ยับยั้งการก่อตัวของเกล็ดเลือดที่จะจับตัวเป็นก้อนและช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
!! เคล็ดลับสำหรับการเก็บและการจัดเตรียมหัวหอม
หากการได้รับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้คุณอยากที่จะกินหัวหอมให้มากขึ้น..
ถือได้ว่า..คุณโชคที่พวกเขามีอีกหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อ และอย่างที่เคยโพสต์ไปก่อนหน้านี้ !! โปรดจำไว้ว่า…สารต้านอนุมูลอิสระมีแนวโน้มที่จะมีความเข้มข้นมากที่สุดในชั้นนอกสุดของหัวหอม ดังนั้น..อย่าปอกหัวหอมให้มากจนเกินเหตุและ
จะเป็นการดีที่จะลอกออกเฉพาะชั้นที่คล้ายกระดาษนอกสุด ปอกเปลือกมากเกินไปสามารถลด quercetin และ anthocyanin ได้ถึงร้อยละ 20 ไปจนถึงร้อยละ 75 ตามลำดับ (20)
..การจัดเก็บหัวหอมที่ดี…
อย่าให้พวกเขาอยู่ในถุงพลาสติก ควรเก็บไว้ในที่เย็น แห้งและมืด
และมีการหมุนเวียนของอากาศดีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
………………………………………………………………..
และเมื่อหัวหอมได้รับการตัดหรือปอกเปลือกก็สามารถเก็บในตู้เย็นภายในภาชนะที่ปิดสนิทได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มไม่ดี การตั้งหัวหอมที่ถูกตัดแล้วในอุณหภูมิห้องสามารถลดคุณสมบัติการต้านแบคทีเรียของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ (21)
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ …งานวิจัยดี ๆ บนโลกใบนี้
1 American Journal of Clinical Nutrition November 2006;84(5):1027-32
2 WebMD.com November 21, 2006
3 Medical News Today September 14, 2015
4 Life Extension October 2007
5 Cornell Chronicle October 7, 2004
6 Journal of the National Cancer Institute November 6, 2002; 94(21): 1648-1651
7 European Journal of Epidemiology 1998 Dec;14(8):737-47
8 Scientific Reports 2016; 6: 29588
9 Medical News Today October 22, 2016
10 Journal of Agricultural and Food Chemistry 2004; 52(22): 6787-6793
11 Foodnavigator.com October 25, 2004
12, 17, 19 National Onion Association, Onions – Phytochemical and Health Properties (PDF)
13 University of Maryland, Quercetin
14 British Journal of Nutrition 2015 Oct 28; 114(8): 1263–1277
15, 16, 18, 20, 21 World’s Healthiest Foods, Onions
credit: Dr. Santi Manadee
(ดร.สันติ มานะดี)
#หมอนอกกะลา
#ป๋านอกกะลา
#ปรึกษาปัญหาสุขภาพ แอดไลน์ หรืออินบ็อก มาได้เลยค่ะ ยินดีให้คำแนะนำ
#Line : doghelmet
👉 http://line.me/ti/p/~doghelmet
#Tel. 06-4242-4665
#Inbox : m.me/saraprayodnokkala
#website: http://healthyfoodnokkala.lnwshop.com/
💚Like & Share บทความให้ความรู้ดีๆ นี้ให้กับเพื่อนๆ ด้วยนะคะ
💟หมื่นคนแชร์
💟แสนคนอ่าน
💟ล้านคนสุขภาพดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ