Pay It Forward ตอนที่ 2 ‘เมฆฝนบนป่าเหนือ’ ความดีที่ต้องส่งต่อของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
HIGHLIGHTS:
- มะเดี่ยวเชื่อว่าเมฆฝนไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นอุดมการณ์แห่งความเป็นจริงที่ต้องหนักแน่นและต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงให้โลกนี้ดีขึ้น
- สำหรับมะเดี่ยว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นต้นแบบด้านการทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ และไม่ต้องบังคับให้ใครทำตาม เพียงแต่ใช้ความพยายามในการปฏิบัติจริงเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทุกคนสามารถทำสิ่งที่ดีได้เหมือนกัน
- มะเดี่ยวใช้เวลา 4 วัน ถ่ายทำเรื่อง เมฆฝนบนป่าเหนือ และเป็น 4 วันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตการทำงานของเขาและทีมงานทุกคน แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะอิดออดหรืองอแง ทุกคนคิดเพียงแค่ว่าต้องตั้งใจทำงานตรงหน้าอย่างดีที่สุด เพื่อให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาดีที่สุดเท่านั้นเอง
ตลอดชีวิตของการเป็น ‘พ่อ’ ของคนไทยทั้งแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมอบ ‘ของขวัญ’ ให้กับพสกนิกรชาวไทยเอาไว้มากมายผ่านทางพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ค่ายหนังดังอย่าง ‘สหมงคลฟิล์ม’ ได้เลือกส่งต่อแรงบันดาลใจที่ได้รับนั้นกลับสู่ประชาชนของท่านอีกครั้งผ่านโปรเจกต์ ‘ของขวัญ’
โปรเจกต์ ‘ของขวัญ’ ประกอบด้วยหนังสั้น 4 เรื่อง จาก 4 ผู้กำกับฝีมือดี ประกอบด้วย นนทรีย์ นิมิบุตร, ปรัชญา ปิ่นแก้ว, ก้องเกียรติ โขมศิริ และชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่จะนำเสนอความประทับใจที่มีต่อรัชกาลที่ 9 ในมุมมองของตัวเอง ทั้งหมดเพื่อเป็นของขวัญและแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนได้ดำรงชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง เพราะถึงแม้พระองค์จะจากเราไปแสนไกล แต่คำสอนและคุณความดีที่พระองค์ทรงสร้างไว้ จะยังอยู่ในใจของคนไทยทุกคนไปตราบนานเท่านาน
“เวลาดูข่าวจะรู้สึกว่าทุกโครงการของพระองค์ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ยังมีหลายโครงการที่ล้มเหลว หรือต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเห็นผล ซึ่งความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติสามัญมากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่พระองค์ไม่เคยหยุด พระองค์ทรงทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะการทำให้คนอื่นเชื่อด้วยหัวใจจริงๆ นั้นไม่ง่าย”
– ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
เมฆฝนบนป่าเหนือ กำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
เมฆฝนบนป่าเหนือ เล่าเรื่อง การออกค่ายของกลุ่มนักศึกษาไฟแรงที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งที่มีเจตนาและต้องการทำความดีเต็มเปี่ยม แต่พวกเขาก็ต้องเรียนรู้ว่าการทำความดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกคนก็ต้องพยายามทำความดีต่อไป ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเจอพบกับอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ตาม
นอกจากผู้กำกับมากฝีมือที่กล้าวิพากษ์-วิจารณ์ประเด็นต่างๆ ในสังคมอย่างตรงไปตรงมา อีกสิ่งหนึ่งที่ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ยึดมั่นและปฏิบัติมาโดยตลอดคือการพยายามทำความดีเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้เกิดขึ้นกับสังคมนี้ เขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้ ถ้าทุกคนมีความเชื่อและยึดมั่นในความดีอย่างไม่ย่อท้อ ดังที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นต้นแบบของการทำความดีให้พวกเราได้เห็นมาทั้งชีวิต
อุดมการณ์ ‘ความดี’ ของเมฆฝน
หลายคนมองว่าเมฆฝนคืออุปสรรค แต่สำหรับเราเมฆฝนหมายถึงอุดมการณ์และความเป็นจริง เรามองดูมันทุกวัน เห็นมันลอยไปลอยมา เปลี่ยนรูปร่างไปตามกาลเวลา บางครั้งกลั่นตัวออกมาเป็นหยาดฝน ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์ แต่บางครั้งมันก็ลอยหายไปเสียเฉยๆ บางครั้งก็เป็นพายุทำลายทุกสิ่งอย่าง ซึ่งอุดมการณ์ในชีวิตของเราก็เป็นแบบนั้น เราไม่สามารถควบคุมมันได้ทุกอย่าง แต่เราทุกคนต้องมี
อย่างทุกวันนี้อุดมการณ์ของเราคือการไม่หยุดทำสิ่งดีๆ พอโตขึ้นเราเห็นความเป็นจริงมากขึ้นว่าทุกอย่างไม่ได้สวยงามแถมยังเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่าหยุดเชื่อ อย่าหยุดที่จะทำมันต่อไป และเราอาจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ แต่อย่างน้อยถ้าเราทำทุกอย่างต่อไปอย่างขยันขันแข็ง เราเชื่อว่าความรู้สึกนี้จะสามารถส่งผ่านไปยังน้องๆ และหลายๆ คนที่เชื่อในแบบเราได้ อย่างพี่ตูน (อาทิวราห์ คงมาลัย) ออกมาวิ่งก็เพราะเขาเชื่อในสิ่งที่ทำ แล้วมีคนเชื่อไปกับเขา เราเชื่อว่าความรู้สึกแบบนั้นที่จะทำให้เกิดสิ่งดีๆ และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม
เพราะเวลามีน้อย ทุกนาทีจึงต้องมีความหมาย
เราเจอคำถามว่าทำอย่างนี้เพื่ออะไร หรือทำไปทำไมเยอะมาก รวมทั้งมีหลายคนหลายอย่างที่ต้องปะทะกันอยู่เป็นประจำ แต่สำหรับเราคิดแค่ว่า ถ้าสังคมดี ตัวเองก็ดีไปด้วย เราเห็นทุกคนออกมาพูดว่าสังคมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีปัญหามากมาย มันยากนะที่จะลุกมาทำให้ดี แต่อย่างที่บอกว่าต้องเชื่อก่อนว่าเราทำได้ แล้วชีวิตคนเราจะมีคุณค่าได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่นานเราก็จากโลกนี้ไป แต่หลังจากนั้นเราทิ้งอะไรไว้ให้แก่โลก ให้สังคมจดจำ ยิ่งมีเวลาน้อยเท่าไร เรายิ่งต้องทำให้มีคุณค่ามากเท่านั้น
ต้นแบบของความดี ที่ดีที่ไม่เคยบังคับใคร
เวลาเราไปดูโครงการหลวง โครงการในพระราชดำริ หรือระหว่างหาข้อมูลหนังเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากคือพระองค์ไม่ได้บังคับให้ใครมาทำด้วย พระองค์ทรงปฏิบัติให้ดู มอบโอกาส มอบทางเลือกให้กับผู้คน และพิสูจน์ด้วยตัวพระองค์เองว่าสิ่งนั้นได้ผล และทำให้หลายๆ คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ใครเลือกจะมาร่วมกับพระองค์ก็ทำ ใครไม่ร่วมก็ไม่มีการบังคับขู่เข็ญให้มาทำ
นี่คือสิ่งที่เราเห็นถึงความแตกต่างกับกระแสสังคมหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ต้องมีใครสักคนเป็นจำเลยของสังคม แต่พระองค์ทรงพยายามทำให้โลกนี้ดีขึ้น แม้ว่าอาจจะไม่สำเร็จทั้งหมด แต่ก็เป็นต้นแบบให้เห็นว่า สามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเกิดความขัดแย้ง ไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน
ความมานะที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
สิ่งที่ค้นพบอีกอย่างระหว่างหาข้อมูลมาทำหนังเรื่องนี้คือ ไม่ใช่ว่าทุกโครงการของพระองค์ที่จะประสบความสำเร็จ เวลาดูข่าวจะรู้สึกว่าทุกโครงการของพระองค์ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ยังมีหลายโครงการที่ล้มเหลว หรือต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเห็นผล ซึ่งความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติสามัญมากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่พระองค์ไม่เคยหยุด พระองค์ทรงทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะการทำให้คนอื่นเชื่อด้วยหัวใจจริงๆ นั้นไม่ง่าย พระองค์เป็นถึงพระมหากษัตริย์ ง่ายมากที่จะสั่งให้ใครมาปฏิบัติตาม แต่พระองค์ไม่เคยเลือกทำแบบนั้น
ความยากลำบากที่คุ้มค่า
เวลาติดต่อให้คนมาร่วมทำโปรเจกต์นี้ ทุกคนตอบรับแทบทันทีทั้งนักแสดงและทีมงานทุกคน ทุกคนรู้ว่างานนี้ลำบาก เพราะต้องออกไปถ่ายทำบนภูเขาที่สภาพทุกอย่างไม่เอื้ออำนวย แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะทำงานนี้ด้วยความตั้งใจ รวมถึงนักแสดงสมทบที่ดอยแม่สะป๊อก จังหวัดเชียงใหม่ ที่ทุกคนรู้สึกดีมากที่ได้มีส่วนร่วม เพราะสิ่งที่เราทำมันตรงกับชีวิตของเขาจริงๆ
เราออกกองกัน 4 วัน ทุกอย่างเต็มไปด้วยปัญหา ฝนตกตลอดเวลาเหมือนในชื่อเรื่อง จากพื้นดินแห้งๆ ก็กลายเป็นโคลน ต้องขึ้นเขา ลงดอย ลื่นตกลงมาจากดอยกันเป็นเรื่องปกติ เสื้อผ้าที่เตรียมไปแทบใช้ไม่ได้ เพราะทั้งขาด ทั้งเลอะเทอะ ต้องไปซื้อเสื้อผ้าที่ขายเป็นที่ระลึกหรือหาผ้าอะไรก็ได้มาห่อตัวไว้ก่อน แทบไม่มีใครได้นอนเพราะมีอะไรให้ทำแทบตลอดเวลา แต่ไม่มีคนอิดออดหรืองอแง ทุกคนคิดแค่อย่างเดียวว่าต้องทำงานตรงหน้าให้ออกมาดีที่สุด พวกเรารู้สึกเหมือนกันคือ เราไม่ได้ทำแค่งาน แต่เรากำลังทำสิ่งดีๆ กันอยู่ สิ่งที่พระองค์ท่านทิ้งไว้ให้เรามันหนักแน่นและจริงไปทุกอย่าง หน้าที่ของเราคือถ่ายทอดออกมาให้สมจริงที่สุด ด้วยจิตวิญญาณของผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานทุกคน ความตั้งใจทุกคนยิ่งกว่าร้อย และผลที่ได้กลับมาก็คุ้มค่าจริงๆ
ความเชื่อที่ต้องตอบแทน
เราต่ำต้อยมากเลยนะที่จะพูดว่าจะหาอะไรมาตอบแทนให้สมกับที่พระองค์ทรงมอบสิ่งต่างๆ ให้กับพวกเรา แต่สิ่งที่เราเชื่อว่าทุกคนทำได้คือนำสิ่งที่พระองค์มอบให้เรามาปฏิบัติ และส่งต่อกันไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเชื่อในการทำความดี เหมือนที่พระองค์ไม่เคยหยุด เพียรทำความดีเอาไว้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น โลกจะดีขึ้น อย่างน้อยก็เชื่อในตัวเราเองและคนที่เชื่อเหมือนเรา สักวันหนึ่งความเชื่อนั้นจะทำให้สังคมและประเทศชาติดีขึ้นได้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถตอบแทนพระองค์ได้แล้ว
9 ศิลปินร่วมร้องเพลง #ส่งต่อความรัก
เพื่อมอบให้กับทุกคน ส่งต่อ #ของขวัญ จากพ่อ
และ 28ตุลาคมนี้ไปรับชมภาพยนตร์ #ของขวัญ ที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน ฟรี !!!
Pass The Love Forward: ส่งต่อความรัก
ศิลปิน: บอย โกสิยพงษ์ feat. นภ พรชำนิ, โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, คิว-สุวีระ บุญรอด, พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, นนท์-ธนนท์ จำเริญ, น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ก้อง ห้วยไร่-อัครเดช ยอดจำปา, ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช และ แดน-วรเวช ดานุวงศ์
Introduction Taken from Canon in D Major by Johann Pachelbel
คำร้อง, ทำนอง และเรียบเรียง: บอย โกสิยพงษ์
Piano: โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร
Strings Programmed: ภูดินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล
Vocal Produced: ต๋อง-อภิชา สุขแสงเพ็ชร
Mixed & Mastered: สุธี แสงเสรีชน
ภาพยนตร์ ของขวัญ ตอน ‘ดอกไม้ในกองขยะ’
ภาพยนตร์ ของขวัญ ตอน ‘เมฆฝนบนป่าเหนือ’