แฮร์รี่ เคน ยิงให้อังกฤษขึ้นนำเร็ว ตั้งแต่นาทีที่ 12 หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะควบคุมเกมเอาไว้ได้ แต่ทางด้าน วอล์คเกอร์ ไปทำฟาวล์ใส่ผู้เล่นตูนิเซียในกรอบเขตโทษ ซัสซี่ ยิงตีเสมอ และเป็นเคนมาโขกจ่อๆ ช่วงท้ายเกมชนะไป 2-1
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม G นัดแรกของทั้งสองทีม ระหว่าง ทีมชาติบราซิล พบกับ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งสองทีมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสู่สนาม แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือสิงโตคำราม จัดตัวผู้เล่นในระบบ 3-5-2 ส่ง แฮร์รี่ เคน ยืนคู่กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ส่วนทางด้าน นาบิล มาอาลูล กุนซือตูนิเซีย จัดตัวผู้เล่นในระบบ 4-3-3 ส่ง วาห์บี้ คาซรี่ ยืนเป็นหน้าเป้า
เริ่มเกมในครึ่งแรก อังกฤษเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น บุกจากขวาไปซ้ายกดดันใส่ ตูนิเซียตั้งแต่ในช่วงต้นครึ่งแรก เฮนเดอร์สัน โยนบอลขึ้นมาให้กับ สเตอลิ่งจ่ายบอลเข้ามากลางประตู เป็นลินการ์ดยิงไปติด มูเอซ ฮัสเซน ผู้รักษาประตูตูนิเซีย ได้เพียงแค่ลูกเตะมุม
นาทีที่ 4 อัลลี่ ผ่านบอลขึ้นมาจากแดนกลางและจ่ายคิลเลอร์พาสให้กับลินการ์ดสุดสวยจ่ายบอลย้อนไปหน้าประตูแต่ สเตอลิ่ง ยิงออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าด้วย
Goal!!!! นาทีที่ 12 แอชลี่ย์ ยัง เปิดลูกเตะมุมไปเข้าหัวของ จอห์น สโตนส์ แต่ทางด้าน ฮัสเซน บินปัดเอาไว้และบอลไหลไปเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ซ้ำจ่อๆ ระยะเพียงแค่ 3 หลาเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อังกฤษขึ้นนำไปก่อน 1-0
จากนั้น มูเอซ ฮัสเซน ผู้รักษาประตูของ ตูนิเซีย บาดเจ็บจนต้องขอเปลี่ยนตัวออกจากสนามพร้อมกับคราบน้ำตา และตูนิเซียส่ง ฟารุก เบน มุสตาฟา ลงมาเฝ้าเสาแทน
นาทีที่ 17 อังกฤษบุกขึ้นมาทางฝั่งขวา สเตอลิ่ง เปิดบอลผ่านมาหน้าประตู ทางด้านตูนิเซียเคลียร์บอลออกไปแต่ไม่ขาดไปเข้าทาง เฮนเดอร์สัน ยิงไกลไปเข้าซองของ ฟารุก เบน มุสตาฟา เป็นเซฟแรก
นาทีที่ 24 แอชลี่ย์ ยัง พาบอลขึนมาทางฝั่งซ้าย และโยนไปเสาสอง ลินการ์ด แปลแต่เตะแป้กบอลออกหลังไปอย่างชนิดที่ไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 26 ไคล์ วอล์กเกอร์ เสียบอลบริเวณกรอบเขตโทษ ตูนิเซียตัดบอลไปจ่ายกันไปมาและทางด้าน เฟรญานี่ ซัสซี่ ได้ยิงแต่บอลไปแฉลบได้เป็นลูกเตะมุม
นาทีที่ 29 อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกจากจังหวะแฮนด์บอลของผู้เล่นตูนิเซีย ทริปเปียร์ โยนบอลไปเสาไกล แฮร์รี่ แม็กไกวร์ วิ่งมาโขกเต็มศรีษะแต่บอลไปเข้ามือของ ฟารุก เบน มุสตาฟา
Goal!!!! นาทีที่ 32 ตูนิเซียได้ลูกโทษที่จุดโทษ โดยทาง ไคล์ วอล์กเกอร์ ใช้แขนไปฟาดใส่ นาอิม สลิติ และเป็นทางด้านของ เฟรญานี่ ซัสซี่ รับหน้าที่สังหาร และเป็นประตูตีเสมอให้กับทีม 1-1
นาทีที่ 38 ทริปเปียร์ เปิดบอลไปในกรอบเขตโทษบอลขลุกขลิกหน้าประตู กองหลังตูนิเซียสกัดบอลไม่ขาดไปเข้าทาง จอน สโตนส์ ได้ยิงจ่อๆ วอลเลย์ด้วยซ้ายแต่เตะแป้กพลาดโอกาสขึ้นนำไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
นาทีที่ 42 ทริปเปียร์ โยนมา แม็กไกวร์ โขกชงมาให้กับทาง ลินการ์ด วอลเลย์ด้วยซ้ายบอลแฉลบได้เพียงแค่ลูกเตะมุม
นาทีที่ 44 ลินการ์ด มีจังหวะหลุดขึ้นมา ฟารุก เบน มุสตาฟา วิ่งไปปิดมุม ลินการ์ด ยิงสวนตัวแต่บอลไปชนเหลี่ยมเสานอกออกไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก อังกฤษครองบอลเยอะกว่าตูนิเซียอยู่ 59-41% มีโอกาสยิง 12 ครั้ง ส่วนตูนิเซียมีโอกาสยิง 4 ครั้ง เสมอกันอยู่ที่ 1-1
เริ่มต้นครึ่งหลัง ทีมชาติอังกฤษยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น ส่วนตูนิเซียเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูไปตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งแรก
นาทีที่ 50 อังกฤษได้ลูกเตะมุม ทริปเปียร์ โยนเข้ามาและเป็นทางด้าน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขึ้นโขกเหน่งๆ แต่ก็ไปเข้ามือของทาง ฟารุก เบน มุสตาฟา เช่นเคย
หลังจากนั้นเกมรุกของทีมชาติอังกฤษบุกใส่ตูนิเซีย ดูเหมือนจะเป็นการเปิดจากริมเส้นและให้
นาทีที่ 67 อังกฤษได้ลูกฟรีคิก และเป็นทางด้าน ทริปเปียร์ ยืนอยู่ที่ลูกฟุตบอลกับ แอชลี่ย์ ยัง และเป็นทางด้าน ทริปเปียร์ ปั่นโค้งบอลหลุดออกหลังไปเพียงนิดเดียว
นาทีที่ 77 อังกฤษได้ลูกฟรีคิกอีกครั้ง บริเวณ 25 หลา และเป็นทางด้าน แอชลี่ย์ ยัง รับหน้าที่สังหาร แต่ยิงบอลไปข้ามคานชนิดที่ผู้รักษาประตูไม่ต้องทำอะไร
Goal!!!! นาทีที่ 90+2 ทริปเปียร์เปิดลูกเตะมุมมาให้ แม็กไกวร์ โขกชงไปให้ เคน โขกคนเดียวโล่งเป็นประตูขึ้นนำให้ทีม 2-1
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
ทีมชาติตูนิเซีย : มูเอซ ฮัสเซน (GK), ซิยาม เบน ยุสเซฟ, ยัสซีน เมริอาห์, ฟัคเรดดีน เบน ยูสเซฟ, อนิซ บัดริ, วาห์บี้ คาซรี่, ดีแลน บรอนน์, อาลี มะอาลูล, เฟรญานี่ ซัสซี่, เอลเยส สคิรี่, นาอิม สลิติ
ทีมชาติอังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์กเกอร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, เจสซี่ ลินการ์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, คีแรน ทริปเปียร์, แอชลี่ย์ ยัง, เดเล่ อัลลี่