เรื่องย่อ ละครมนต์รักหนองผักกะแยง

0
114

รายละเอียดละคร

นำแสดงโดย :โบว์ เมลดา สุศรี, แบร์รี่ ณเดชน์ คูกิมิยะ, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, หยอง ลูกหยี, สมจิตร จงจอหอ, น้ำฝน สรวงสุดา, สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ
บทละครโดย :ช.เรเชล
อำนวยการผลิตโดย :บริษัท ดูเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด
กำกับการแสดงโดย :พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
เรื่องย่อ มนต์รักหนองผักกะแยง :

ธรากรหรือ “เขียว” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) มีคู่หูคู่ปรับอยู่ข้างบ้านชื่อเด็กหญิงชมพู่ (เมลดา สุศรี)ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้น เขียวย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันจากกัน ที่เคยเป็นนักเรียนยอดนิยม นักกีฬาตัวเด่น เขียวกลายเป็นไอ้บ้านนอกไอ้ลาวเด็กอีสานพูดไทยไม่ชัดโดนเพื่อนร่วมชั้นนอกชั้นกลั่นแกล้งสารพัด กลายเป็นตัวตลกในโรงเรียน ธรากรสติแตกโทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน ทำให้ตัวเองต้องโดนเพื่อนแกล้งไม่มีใครยอมรับแบบนี้ จึงประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับไปบ้านหนองกะแยงอีก ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) เสียใจมากแต่ไม่โกรธโทษหลานรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงหลานอย่างสุดหัวใจ ธรากรฝึกพูดภาษาไทยจนชัดโดยที่ไม่มีสำเนียงอีสาน ได้กลับมาเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์อีกครั้งหนึ่งมันคือชีวิตที่เริ่ดเลอเพอร์เฟคของหนุ่มวัยรุ่น

ชมพู่จบม.6 สอบติดคณะเกษตรที่มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ส่วนเขียวได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ วันรับปริญญาของเขียวชมพู่เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมาแสดงความยินดีแต่เขาทำเมินดูถูกว่าชมพู่เป็นเด็กบ้านนอกไม่ได้สนิทกันมาทำไม ชมพู่โกรธและเสียใจมาก

พอเรียนจบชมพู่ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรประจำจังหวัดและภายหลังตัดสินใจลาออกมาลงมือทำไร่แบ่งฝันปันรักไร่อินทรีย์ สอนและช่วยเหลือชาวบ้านหนองกะแยงดูแลพ่อและแม่อย่างมีความสุข

ส่วนเขียวพอเรียนจบ ก็ได้งานเป็นผู้กำกับละครตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แฟนชื่ออลิซ (คาลิยา นิฮุต) เป็นนางร้าย เขียวรักมากหลงมาก รับงานที่ผ่านเข้ามา ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อผ่อนคอนโดหลักหลายล้านที่ทำสัญญาซื้อในชื่อของอลิซ ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอและใช้สู่ขอแฟนสาว ระหว่างที่เขียวกำลังฝันหวาน อลิซก็นำโฉนดไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พออลิซประกาศแต่งงานกับชายอื่น แบบสายฟ้าแล่บ เขียวช็อกแทบบ้าเงินไม่เหลือ ติดต่ออลิซไม่ได้ สุดท้ายเขียวจึงจำใจ กลับบ้านหนองกะแยงในที่สุด

เขียวมาถึงบ้านหนองกะแยงวันงานบุญของหมู่บ้าน โดยมีชมพู่ขับรถมารรับ ปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำไม่ได้ ที่สำคัญ กว่าจะกลับถึงบ้าน ก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมาย เกินบรรยาย จนเขียวถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งยายเพียร มานิต (หยอง ลูกหยี) พิไล (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) น้าพิลา (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ต่างดีใจที่เขียวกลับมาบ้าน แต่เขียวกลับมองว่า หากวันหนึ่ง เขาขายที่ดิน ซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัวได้เมื่อไหร่ จะหอบเงินกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯให้ได้

ชมพู่มาเช่าที่ดินของยายเพียร เพื่อทำไร่เกษตรอินทรีย์ มีชื่อว่า “ไร่แบ่งฝันปันรัก” ไร่อินทรีย์แห่งนี้มีการจัดสรรพื้นที่ให้มีการทำนาปลูกผักหมุนเวียนปลูกผลไม้หลายชนิดที่ผลัดกันออกผลผลิตครบทุกฤดู เลี้ยงไก่อินทรีย์ เลี้ยงไส้เดือน ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ปุ๋ยหมักเศษอาหาร และน้ำหมักชีวภาพ ไร่นี้ไม่มีลูกจ้างอาศัยแรงงานอาสาสมัคร ชาวบ้าน ครูและนักเรียน มีการตอบแทนแรงงานด้วยตะกร้าอาหารผลผลิตจากไร่ อาสาสมัครตัวหลักประจำไร่คือครูริชครูอาสาชาวอเมริกันสอนภาษาอังกฤษ ณ รร.บ้านหนองกะแยง หนุ่มรูปหล่อนิสัยดีเป็นคนติดดินพูดอีสานได้ชอบวัฒนธรรมอาหารอีสานแถมยังชอบสาวอีสานที่ชื่อชมพู่อีกด้วย

ชมพู่เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของโครงการไร่ เขียวเจรจาขอให้เธอยกเลิกสัญญา ชมพู่จึงมีข้อแม้ ให้เขียวเรียนรู้เรื่องการทำเกษตร จนครบทุกด่านเสียก่อน แล้วเธอจะยอมคืนไร่แบ่งฝันปันรักให้ การกลับมาครั้งนี้ เขียวได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างยอด (เต๋า ภูศิลป์) และส้มแป้น (อนุสรา วันทองทักษ์) ซึ่งตอนนี้ยอด กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หลังจากที่กระเจี๊ยบ (กมลรัศมิ์ อารีสนั่น) เมียของเขาทิ้งไปมีสามีใหม่ ส่วนส้มแป้น ก็เปิดร้านขายส้มตำ เลี้ยงดูมายด์-มินท์ (รุ่งฤดี ข้อยุ่น /รุ่งราตรี ข้อยุ่น) ลูกสาวฝาแฝดสองคน เพราะสามีเอาแต่กินเหล้า และติดการพนัน จนต้องแยกทางกัน

ถึงแม้เขียวจะไม่เต็มใจ ทำงานในไร่นัก แต่กาลเวลา ก็ทำให้เขาเกิดความรัก ความผูกพันกับบ้านเกิดอีกครั้ง ความสัมพันธ์อันเอื้อเฟื้อ มีจิตใจอันงดงามของผู้คนที่บ้านหนองผักกะแยง ทำให้เขียวเริ่มเปลี่ยนไป เขียวเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตที่แท้ทั้งเรื่องการทำนาข้าวอินทรีย์ การเลี้ยงใส้เดือน การปลูกผักอินทรีย์ การทำน้ำส้มควันไม้ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี การทำน้ำหมักหลากสูตร อีกทั้งประเพณีของชาวอีสานอีกต่าง ๆ มากมาย ที่แสดงถึงความรักสามัคคีที่มีต่อกัน

จากคนที่ไม่อยากพูดภาษาอีสาน เขียวกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ ส่วนครูริช (แดนนี่ ลูเซียโน่) ก็ยังคงหลงรักชมพู่ โดยไม่ได้หันไปมองครูน้ำฝน (นับตังค์ นันท์ณภัส) เลยว่าเธอเอง ก็รักและหวังดีต่อครูริชเช่นเดียวกัน เขียวเริ่มตัดใจจากคนรักเก่าได้แล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักชมพู่เข้าให้แล้ว ทั้งพิลา พิไล ยายน้อย มานิต สมศักดิ์ (สมจิตร จงจอหอ) ต่างเชียร์ให้ชมพู่และเขียวรักกัน เขียวเห็นว่าชมพู่สนิทสนมกับครูริชมาก ก็ลังเล และนึกน้อยใจ โดยที่ไม่มีใครรู้เลย ว่าชมพู่นั้น รักเขียวมาตั้งแต่วัยเด็ก และหัวใจของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอคอยวันที่เขียว จะกลับมาที่บ้านหนองกะแยงอีกครั้ง

ครูริชได้รับรู้หัวใจของชมพู่ในที่สุด ว่าทั้งสี่ห้องของเธอ มีแต่เขียวเพียงคนเดียวเท่านั้น ครูน้ำฝน ปลอบใจครูริช จนทำให้ครูริชใจอ่อน ยอมเปิดใจให้กับครูน้ำฝน ส่วนยอดและส้มแป้น ก็มาช่วยงานที่ไร่แบ่งฝันปันรักเสมอ หัวใจที่เคยอ้างว้าง ผิดหวังของทั้งสองคน ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองครอบครัว หล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว

รวงข้าวในนาเริ่มตั้งท้องมองไกลๆเห็นเมล็ดข้าวสีเขียวสีเหลืองอ่อนสลับกับสีทองระยิบระยับแล้ววันหนึ่ง มอส (ณัชพงศ์พล สุดดี) ก็ยกกองถ่ายทำ มาที่บ้านหนองกะแยง โดยมีอลิซมาด้วย อลิซเลิกกับสามีแล้ว และตามกลับมาขอคืนดีกับเขียว เขียวสับสนว่าจะเลือกทางไหน ส่วนชมพู่ก็ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเมื่อยายเพียรและครอบครัว รู้ความจริง ว่าเขียวจะขายที่ ทำให้ทุกคนผิดหวัง เสียใจมาก ชมพู่คืนสัญญา การเช่าไร่แบ่งฝันปันรักให้ แล้วเดินจากเขียวไปแบบหัวใจสลาย

สุดท้ายเขียวจะทำเช่นไร เขาจะเลือกกลับไปใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพฯ กับคนรักเก่า หรือจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหนองกะแยง ที่ไร่แบ่งฝันปันรักแห่งนี้ ติดตามกันต่อไป

 

Comments

comments