“All Hallows’ Eve”
“Halloween” กร่อนเสียงมาจากคำว่า “All Hallows’ Eve” หรือ “All Hallows’ Evening,” หมายถึง คืนก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายของทางศาสนาคริสต์ โดยในคืนวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี ในหลายประเทศทางฝั่งยุโรปจะมีงานเทศกาลเฉลิมฉลองรื่นเริง รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่อยากสนุกกับเทศกาลนี้ด้วย โดยวันฮาโลวีน มีต้นกำเนิดมาจากเทศกาลเก็บเกี่ยว Samhain ของชาวเซลต์ หรือชนยุโรปโบราณ ซึ่งถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน จึงฉลองวันสิ้นสุดของช่วงสว่างแห่งปี และเข้าสู่ช่วงมืดของปีซึ่งก็คือฤดูหนาวนั่นเอง
นอกจากนี้ชาวเซลต์ ยังเชื่อว่า เป็นวันที่โลกของคนเป็นและโลกของคนตายได้โคจรมาใกล้กันมากที่สุด วิญญาณของบรรบุรุษจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน รวมถึงปีศาจร้ายที่จะแฝงตัวเข้ามาได้ด้วย เราจึงต้องแต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจเพื่อปิดบังไม่ให้ปีศาจมาทำร้ายเราได้นั่นเอง
วันฮาโลวีน 2020 ตรงกับวันพฤหัสที่ 31 ตุลาคม
ประวัติวันฮาโลวีน
ประวัติวันฮาโลวีน มีจุดกำเนิดมาจากเทศกาลของชาวเซลติคโบราณซึ่งรู้จักในชื่อ Samhain มีที่มาจากชาวไอริชโบราณ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน ซึ่งชาวบริตอนโบราณก็มีประเพณีคล้ายกันนี้ เรียกว่า Calan Gaeaf เทศกาล Samhain นั้น มีขึ้นเพื่อฉลองจุดสิ้นสุดของช่วงสว่างแห่งปี และเข้าสู่ช่วงมืดของปี ทั้งยังถือกันว่าเป็นวันปีใหม่ของชาวเซลติคอีกด้วย
เทศกาลฮาโลวีน นี้ ชนบางกลุ่มก็ใช้ชื่อว่า เทศกาลแห่งความตาย (Festival of the dead) ชาว เซลท์ โบราณเชื่อว่าเป็นวันที่โลกนี้ และโลกหน้า โคจรมาอยู่ใกล้กันมากที่สุด ทำให้เหล่าวิญญาณ (ทั้งที่มีอันตรายและไม่มีอันตราย) สามารถผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ ซึ่งวิญญาณของบรรพบุรุษที่เคารพจะได้รับการต้อนรับกลับบ้าน ในขณะที่วิญญาณร้ายจะถูกขับไล่
โดยมีความเชื่อกันว่าการที่จะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายได้นั้น สามารถทำได้ด้วยการสวมชุดและหน้ากากผี ซึ่งมีจุดประสงค์คือการแฝงตัวเป็นวิญญาณร้ายซะเอง เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ในสก๊อตแลนด์ ผู้ชายวัยรุ่นจะแต่งตัวเลียนแบบผีด้วยการสวมชุดขาว สวมหน้ากาก สวมผ้าคลุมหน้า หรือทาหน้าเป็นสีดำ
เทศกาล Samhain ยังเป็นวันแห่งการตุนอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว และมีการเล่นรอบกองไฟในหลายพื้นที่ ไฟและแสงสว่างประเภทอื่นจะถูกดับลง และบ้านแต่ละหลังจะจุดไฟในเตาโดยใช้เชื้อไฟจากกองไฟ ส่วนกระดูกของสัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร จะถูกโยนเข้าไปในเปลวเพลิงนี้ บางครั้ง กองไฟ 2 กองจะถูกจุดไว้ข้าง ๆ กัน แล้วผู้คนกับสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารจะเดินวนระหว่างสองกองไฟ ถือเป็นพิธีการชะล้าง
ตำนานฮาโลวีน การกำเนิดชื่อ ฮาโลวีน
คำว่า ฮาโลวีน (Halloween) เดิมทีนั้นสะกดเป็น ฮันโลวีน, ฮัลโลวีน, ฮาโลวีน เป็นคำย่อของคำว่า Hallows’ (ฮอลโลว, ฮาโลว) Even (อีเว้น) และคำว่า e’en ก็เป็นคำย่อของคำว่า even ซึ่งย่อมาจากคำว่า “evening (ค่ำ) ซึ่งเป็นคำที่มีรากคำมาจากภาษาอังกฤษโบราณ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ “วันอีฟ ออฟ ออลเซ็นต์” ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน
ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของพวกนอกรีต ที่สันตะปาปา เกรกอรี่ที่สาม (731–741) และเกรกอรี่ที่สี่ (827–844) พยายามจะให้แทนที่เป็นงานฉลองวันหยุดของชาวคริสเตียน (วันออลเซ็นต์) โดยการย้ายจากวันที่ 13 พฤษภาคม เป็น 1 พฤศจิกายน
ในช่วงศตวรรษที่ 800 โบสถ์ต่าง ๆ ถือเอาวันนี้เป็นวันเริ่มต้นของพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งถือตามปฏิทินฟรอเรนไทน์ ซึ่งแม้ว่า วันออลเซ็นต์ในปัจจุบัน ให้นับเป็นวันที่ถัดจากวันฮาโลวีน 1 วันแล้วก็ตาม แต่การจัดงานฉลองและกิจกรรมต่าง ๆ ของทั้งสองวันนั้น จะทำกันในวันเดียวกัน
สัญลักษณ์และเครื่องหมาย ฮาโลวีน
ในวันฮาโลวีนอีฟ ชาว เซลท์ โบราณจะแขวนโครงกระดูกไว้ตรงธรณีหน้าต่าง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความตาย ประเพณีนี้มีจุดกำเนิดในยุโรป จะมีการแกะสลักโคมไฟจากหัวผักกาด เพราะมีความเชื่อว่าหัวเป็นส่วนที่มีพลังที่สุดของร่างกาย ประกอบไปด้วยจิตวิญญาณและภูมิความรู้ ซึ่งชาวเซลท์ จะใช้ส่วนหัวของผักมาขับไล่วิญญาณร้าย ตำนานของเวลส์ ไอริช และบริททิช จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหัวที่ทำด้วยทองเหลือง ซึ่งเป็นเรื่องราวการล่าหัวมนุษย์ที่แพร่หลายในหมู่ชาวเซลทิคโบราณ ซึ่งมักจะนำเอาหัวที่ล่ามาได้นี้ไปตอกตะปูตรึงไว้ที่ทับหลังประตู หรือเอาไปวางไว้ข้างเตาไฟ เพื่อประกาศถึงความหลักแหลม
ชื่อของแจ็ค โอ แลนเทิร์นมีที่มาจากแจ็คชาวนาเฒ่า ขี้ตืด ติดพนัน และขี้เมา เขาหลอกปีศาจให้ปีนต้นไม้ที่ทำกับดักเป็นรูปสลักไม้กางเขนไว้ที่ลำต้น เพื่อไม่ให้ปีศาจกลับลงมาได้ ปีศาจได้แก้แค้นโดยการสาปแช่งแจ็ค ให้เขาร่อนเร่ไปยามค่ำคืนด้วยไฟดวงเดียวที่เขามี คือมีเทียนเล่มเดียวปักอยู่ในโพรงของหัวผักกาด
แต่ในอเมริกาเหนือสามารถหาฟักทองได้ง่ายกว่าหัวผักกาด ทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าจึงหันมาแกะสลักฟักทองแทนหัวผักกาด หลายครอบครัวจะฉลองฮาโลวีนโดยการแกะสลักฟักทองเป็นรูปร่างน่ากลัวหรือรูปหน้าตลกแล้วไปวางที่ธรณีประตูในยามมืด
ประเพณีการแกะสลักฟักทองเริ่มต้นเข้ามาในอเมริกาเหนือในยุคที่ชาวไอริชประสบภาวะข้าวยากหมากแพง และเกี่ยวเนื่องกับช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวพืชผล ซึ่งประเพณีการแกะสลักนี้ ในช่วงแรกไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลฮาโลวีนเลย จนกระทั่ง กลางถึงปลายศตวรรษที่ 1800
ภาพรวมของวันฮาโลวีนส่วนใหญ่จะผสมผสานกันระหว่างผลงานของโกธิค และนวนิยายสยองขวัญที่เกี่ยวกับแฟงเคนสไตน์และแดร็คคูล่า เป็นเวลาเกือบศตวรรษแล้วที่ผู้สร้างหนังชาวอเมริกัน ,ศิลปินภาพกราฟฟิกและ บริษัทผลิตภาพยนตร์ของอังกฤษ “British Hammer Horror productions” มักผลิตผลงานสยองขวัญลึกลับออกมา
เพราะเมื่อเอ่ยถึงวันฮาโลวีนก็จะต้องเกี่ยวกับความตาย ปีศาจร้าย ตำนานเกี่ยวกับเวทมนต์และอสูรกายในตำนาน ซึ่งตัวละครพื้นฐานดั้งเดิม ได้แก่ ซาตาน พญามัจจุราช ภูตผี ปิศาจ ผีดิบ แม่มด ก็อปลินส์ แวมไพร์ ผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า ซอมบี้ โครงกระดูก แมวดำ แมงมุม ค้างคาว นกฮูก นกกา นกแร้ง
สีดำ สีส้ม
เมื่อพูดถึงวันฮาโลวีน แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึงสีดำและสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของวันปล่อยผีนี้ แต่สีส้มไม่ได้หมายถึงสีของฟักทอง และสีดำไม่ได้หมายถึงเสื้อผ้าของแม่มดเท่านั้นนะ สีส้มและสีดำนั้นมีความหมายที่มากกว่านั้น โดยสีส้มหมายถึง สีแห่งความแข็งแกร่งและความอดทน บางครั้งสีส้มจะมีสีออกคล้ำาๆ จนเหมือนน้ำตาล ซึ่งหมายถึงสีของทุ่งนาที่พร้อมให้เก็บเกี่ยว แสดงถึงฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวนั่นเอง ส่วนสีดำมืดมิดนั้น หมายถึง สัญลักษณ์แห่งความตายและความมืด ที่จะช่วยให้เราได้ตระหนักอยู่เสมอว่าเรายังมีชีวิตอยู่และความตายนั้นอยู่ไม่ไกล
สัญลักษณ์วันฮาโลวีนในอเมริกา ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนต์สยองขวัญคลาสสิก (ซึ่งมักมีตัวละครจากบทภาพยนตร์ เช่น อสูรกายแฟงเคนสไตน์ และมัมมี่) สภาพอากาศจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งมีสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์อันได้แก่ ฟักทอง เปลือกข้าวโพด และหุ่นไล่กา บ้านเรือนต่าง ๆ มักจะประดับตกแต่งด้วยสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ตามที่ได้กล่าวไป ซึ่งสีส้มและดำเป็นสีประจำเทศกาลฮัลโลวีน
การแต่งตัว เครื่องแต่งกาย ใน วันฮาโลวีน
เครื่องแต่งกายประจำเทศกาลฮาโลวีน คือแต่งเป็นสัตว์ประหลาด เช่นผีร้าย โครงกระดูก แม่มด และภูต สาเหตุก็เนื่องมาจาก เพื่อต้องการทำให้ปิศาจร้ายกลัว ซึ่งการแต่งกายส่วนใหญ่มักจะเอาแบบอย่างมาจากบทประพันธ์มากกว่าที่จะเป็นความเชื่อของท้องถิ่น เช่น ตัวละครต่าง ๆ จากโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสิ่งอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียง
กิจกรรมท้าทายในคืนฮาโลวีน
ในคืนฮาโลวีน มีความเชื่อแปลกๆ มากมาย ที่พร้อมจะให้คนเก่งคนใจกล้าได้ลอง เช่น กิจกรรมของเด็กสาวชาวสก๊อตติช พวกเขาเชื่อว่า หากอยากเห็นหน้าสามีในอนาคตให้ตากผ้าห่มเปียกๆ ไว้หน้ากองไฟ แล้วจะมองเห็นเงาหน้าของสามีบนผ้าห่มนั้น หรืออีกหนึ่งความเชื่อ คือ ถ้ามองไปในกระจกขณะที่เดินลงบันไดในช่วงเวลาเทียงคืนพอดีของคืนฮาโลวีนก็จะได้เห็นหน้าคนรักในอนาคตชาวไอริชจะทำนายเนื้อคู่โดยการปอกเปลือกแอปเปิลให้เป็นเส้นยาวโดยไม่ขาดจากกัน แล้วโยนเปลือกนั้นข้ามไหล่ไป เปลือกแอปเปิลนั้นก็จะปรากฎเป็นตัวอักษรนำหน้าชื่อเนื้อคู่ของเราเช่นกัน
แต่ถ้าใครไม่สนใจเรื่องความรัก ต้องลองกิจกรรมนี้เลย ใส่เสื้อผ้ากลับด้านแล้วเดินถอยหลังในช่วงเวลาเที่ยงคืนของคืนฮาโลวีน ทำแบบนี้จะได้เห็นแม่มดแน่!
trick or treat
กิจกรรมทริกออร์ทรีต (trick or treat) จะโดนหลอกหรือจะเลี้ง เชื่อว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ ปลายคริสต์ทศวรรษ 1920 ที่ประเทศไอร์แลนด์ โดยเป็นประเพณีการไปตามบ้านเพื่อเก็บอาหารในฮาโลวีน ท่องบทร้อยกรองแลกอาหาร หรือเตือนว่าอาจเกิดโชคร้ายหากไม่ยอมให้ แม้ว่าการตระเวนไปตามบ้านในชุดจะยังได้รับความนิยมในหมู่ชาวสกอตและไอริช แต่ประเพณีการกล่าว “ทริกออร์ทรีต” เพิ่งมาแพร่หลายเมื่อไม่นานนี้
โดยเด็กๆ ในประเทศยุโรปและอเมริกา มักจะแต่งกายในชุดผีปีศาจตัวน้อยๆ แล้วเดินไปเคาะตามประตูบ้านต่างๆ จากนั้นจะพูดว่า ทริกออร์ทรีต หากตอบว่า ทรีต หมายถึง การเลี้ยง เจ้าของบ้านก็จะต้องนำขนมมาให้เด็กๆ แต่ถ้าบอกว่า ทริก หมายถึง การหลอก คือ เจ้าของบ้านจะไม่ยอมให้ขนมเด็กๆ ก็อาจจะถูกเด็กๆ แกล้งเล่นต่างๆ นานาได้จนกว่าจะให้ขนม แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เด็กๆ มักจะไปตามบ้านที่ตกแต่งในธีมฮาโลวีนอยู่แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเต็มใจจะเล่นด้วยนะ และบางบ้านอาจวางขนมไว้หน้าบ้านให้เด็กๆ มาหยิบกันได้เลย
ขนมยอดนิยมในกิจกรรมทริคออร์ทรีตของเด็กๆ คือ ช็อกโกแลตแท่ง ยี่ห้อ Snickers โดย 50% ของเด็กๆ อยากได้เจ้าช็อกโกแลตแท่งนี้มากที่สุด ส่วน 24% อยากได้ขนมชนิดอื่นๆ มากกว่า และอีก 10% อยากได้หมากฝรั่ง
ทำไมต้องแกะสลักฟักทอง
อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจในวันฮาโลวีน คือ การแกะสลักฟักทองเป็นรูปหน้าปีศาจแล้วใส่โคมไฟไว้ข้างใน หรือที่เรียกว่า Jack O’Lanterns โดยเรื่องของแจ็กมีการเล่าหลายรูปแบบ อย่างเรื่องของชาวไอริชโบราณ ได้เล่าว่า แจ็กเป็นชาวนาจอมเจ้าล์ ที่กล้าหาญต่อกรกับปีศาจ โดยครั้งหนึ่งแจ็กหลอกล่อปีศาจให้ติดกับ หนีไม่ได้ และให้ปีศาจสัญญาว่า หากเขาตายแล้ว ห้ามพาเขาไปนรกเด็ดขาด ปีศาจจึงต้องตกลงรับปาก
จนเมื่อแจ็กตายลง ด้วยความที่เขาเป็นคนเจ้าเลห๋จึงทำให้เขาไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ลงนรกก็ไม่ได้ แจ็กจึงต้องอยู่ในโลกต่อไป โดยมีโคมไฟนำทางที่ทำมาจากหัวผักกาด เพื่อให้เขาผ่านความมืดและความเหน็บหนาวในช่วงเดือนตุลาคมไปให้ได้ จากเรื่องเล่านี้ จึงทำให้ Jack O’Lanterns ชิ้นแรกของโลกทำมาจากหัวผักกาด แต่เมื่อตำนานนี้มาถึงประเทศอเมริกา ก็ได้เปลี่ยนเป็นฟักทองสีส้มที่ดูแล้วสยองขวัญกว่าหัวผักกาดหลายร้อยเท่าเลยนะ
การแกะสลักฟักทองนั้น นอกจากจะทำเป็นรูปหน้าปีศาจแล้ว บางครั้งเรามักจะเห็นรูปแบบแปลกๆ ที่สวยงาม มากๆ ด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นที่นิยมมากไม่ว่าในวัยเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำให้ฟักทองขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ว่ากันว่า เคยขายฟังทองได้ราคาแพงสุดในคืนฮาโลวีนในราคาถึง 25,000 ดอลลาห์สหรัฐ หรือกว่า 800,000 บาทเลยทีเดียว
สัตว์สัญลักษณ์ในวันฮาโลวีน
นอกจากแม่มดแล้ว สัตว์ต่างๆ ที่ดูน่ากลัว(แต่จริงๆ ออกจะน่ารัก) ก็จะมักจะถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ในวันฮาโลวีน้ด้วย เช่น นกฮูก เคยเป็นสัญลักษณ์ของฮาโลวีนที่โด่งดังมาก่อนตัวหนึ่ง โดยในยุโรปยุคกลาง นกฮูกถูกคิดว่าเป็นแม่มดปลอมตัวมา และมีเรื่องเล่าว่า หากใครได้ยินเสียงนกฮูกร้อง นั่นหมายความว่าอาจจะมีคนใกล้ตัวใกล้ๆ ตายก็ได้ สัตวปีกอีกชนิดที่ถูกทำให้ดูน่ากลัวคือ อีกา เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฮาโลวีน รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของฤดูการเก็บเกี่ยวก่อนที่หน้าหนาวจะมาเยือนด้วย
รวมไปถึง เจ้าเหมียวดำ ด้วย เมื่อก่อนเคยเชื่อว่า แมวดำมีจิตวิญญาณของแม่มด มีพลังดั่งแม่มดเลยทีเดียว จึงเชื่อว่า หากใครเลี้ยงแมวดำ คนนั้นอาจจะเป็นแม่มด จึงทำให้แมวดำเป็นสัตว์อัปมงคล สัตว์แห่งความโชคร้าย ไม่มีใครอยากรับเลี้ยง นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น้องแมวดำโดนใส่ร้ายอีกด้วย เช่น หากแมวดำเดินข้ามเราไป หมายความว่าเราถูกสาปให้โชคร้าย นั่นไม่จริงสักหน่อย แมวดำน่ารักจะตาย หากยุคนี้มีใครมากล่าวหาว่าแมวดำเป็นแม่มดแปลงร่างมา ต้องโดนทาสแมวจัดการแน่ๆ
วันฮาโลวีนในแบบฉบับคนเอเชีย
Teng Chieh คือ เทศกาลโคมไฟของประเทศจีนที่อาจเรียกได้ว่าเป็นวันฮาโลวีนแบบเอเชีย โดยลักษณะของโคมไฟนั้นจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ต่างๆ เช่น มังกร เสือ โดยมักจะแขวนไว้มุมตามบ้านหรือถนน เพื่อช่วยนำทางให้วิญญาณได้กลับบ้านของตัวเองถูก ให้คนในครอบครัวที่ยังอยู่และบรรพบุรุษได้กลับมาพบเจอกัน ส่วนเทศกาลนี้ในฮ่องกงจะเรียกว่า Yue Lan หรือ Festival of the Hungry Ghosts” โดยผู้คนจะจุดไฟให้สว่างไสว และนำอาหาร ของกำนันต่างๆ มาวางไว้ให้กับวิญญาณที่หิวโหยและเกรี้ยวกราดเพื่อไม่ให้มาทำร้ายเรา นอกจากนี้ยังมีการจัดงานรื่นเริง มีขบวนพาเหรดโคมไฟต่างๆ สร้างแสงสีและความสนุกให้กับชาวจีนและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เสน่ห์ของสถานที่สยองขวัญ
บ้านผีสิงก็จะถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงเชิงสยองขวัญ ซึ่งมักจะเป็นธุรกิจที่เกิดในช่วงเทศกาลฮาโลวีน จุดกำเนิดนั้นไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่ามีที่มาจากการระดมทุนของ Junior Chamber International (เจซี) เมื่ออุตสาหกรรมของกิจกรรมดังกล่าวเติบโตขึ้น ก็มีการรวมเอาบ้านผีสิง เขาวงกต การนั่งรถบรรทุกหญ้าแห้ง ซึ่งมีความสมจริงมากขึ้น มาคอยให้บริการในช่วงวันฮาโลวีน
ซึ่งกิจกรรมสยองขวัญเหล่านี้สามารถทำเงินในอเมริกาได้ราว 300-500 ล้านเหรียญต่อปี โดยมีลูกค้าราว 400,000 คน ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2005 การที่คนให้ความสนใจกันมากขึ้นนำไปสู่การค้นคว้าหาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดความสมจริงยิ่งขึ้นให้เท่าเทียมกับที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูด
อาหารใน วันฮาโลวีน
เนื่องจากเป็นฤดูการเก็บเกี่ยวแอปเปิล อมยิ้มแอปเปิลจึงกลายมาเป็นขนมประจำเทศกาล (รู้จักกันในชื่อของ ทอฟฟี่แอปเปิล ภายนอกอเมริกาเหนือ) อมยิ้มแอปเปิลเคลือบคาราเมล หรือลูกกวาดแอปเปิล กลายเป็นสัญลักษณ์ของ treat ในเทศกาลฮาโลวีน ซึ่งมีวิธีทำ คือ กลิ้งลูกแอปเปิลบนน้ำเชื่อม บางครั้งก็มีการเพิ่มถั่วเข้าไปด้วย
อีกหนึ่งอาหารของชาวไอริชที่ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ คือ เค้กลูกเกด เป็นเค้กผลไม้แบบเบาๆ ซึ่งจะสอดไส้ แหวน เหรียญ หรือสิ่งต่างๆเข้าไปก่อนอบ และหากใครกินเข้าไปแล้วเจอแหวน ก็จะได้พบกับรักแท้ในปีต่อมา ซึ่งจะคล้ายกับประเพณี “King cake” ในเทศกาล Epiphany
+ Apple cider (unfiltered apple juice)
น้ำผลแอปเปิล (น้ำแอปเปิลที่ไม่ผ่านการกรอง)
+ Barmbrack (Ireland)
เค้กลูกเกด (ไอร์แลนด์)
+ Bonfire toffee (Britain)
ลูกอมบอนไฟร์ (อังกฤษ)
+ Candy corn (North America)
ลูกอมข้าวโพด (อเมริกาเหนือ)
+ Caramel corn
ข้าวโพดคาราเมล
+ Colcannon (Ireland)
คอนแคนนอน (ไอร์แลนด์)
+ Pumpkin, pumpkin pie, pumpkin bread
ฟักทอง พายฟักทอง ขนมปังฟักทอง
+ Roasted pumpkin seeds
เมล็ดฟักทองคั่ว
+ Roasted sweet corn
ข้าวโพดคั่วรสหวาน
+ Soul cakes
เค้กโซล
+ Novelty candy shaped like skulls, pumpkins, bats, worms, etc.
ลูกอมแปลกๆ ที่มีรูปร่างเหมือนโครงกระดูก ฟักทอง ค้างคาว หนอน เป็นต้น