ศูนย์หน้าชาวญี่ปุ่น ลุกจากม้านั่งสำรองลงมายิง 1 จ่าย 1 พาทัพจิ้งจอกสยามหยุดเส้นทางของหงส์แดงในถ้วยคาราบาวคัพไว้แค่รอบสาม
ศึกคาราบาว คัพ หรือฟุตบอลลีกคัพ 2017-2018 รอบสาม เป็นการพบกันระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ อดีตแชมป์ 3 สมัย เปิดสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของอดีตแชมป์มากที่สุด 8 สมัยอย่าง ลิเวอร์พูล
ทั้งสองทีมตัดสินใจให้โอกาสบรรดาตัวสำรองลงมาสัมผัสเกมหลายราย โดยจิ้งจอกสยามใช้คู่กองหน้าเป็น เลโอนาร์โด้ อูญัว ประสานงานกับ อิสลาม สลิมานี ส่วนหงส์แดงจัดสามประสานแนวรุกเป็น ฟิลิปป์ คูตินโญ, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน และ โดมินิค โซลันกี้
เกมในช่วง 45 นาทีแรกเป็นฝั่งของลิเวอร์พูลที่สามารถครองบอลบุกเข้าใส่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเติมเกมรุกขึ้นมาเปิดบอลของแบ็คซ้ายอย่าง แอนดี้ โรบินสัน ซึ่งทำได้โดดเด่นมาก แต่บรรดาแนวรุกก็ยังปิดสกอร์กันไม่เด็ดขาด ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
ก่อนเริ่มเกมในครึ่งหลัง ทีมเยือนตัดสินใจเปลี่ยนเอาเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งอย่าง คูตินโญ ออกไปพักทั้งที่ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีพอสมควรในครึ่งแรก แล้วส่ง เบน วู้ดเบิร์น แข้งดาวรุ่งลงมาแทน ขณะที่ในนาทีที่ 53 เจ้าบ้านก็ส่ง ชินจิ โอกาซากิ ลงมาเล่นในแดนหน้าแทน อูญัว ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บ
การแก้เกมของจิ้งจอกสยามถือว่าประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ ในนาทีที่ 65 จากจังหวะที่ เบน ชิลเวลล์ หยอดบอลยาวเข้าเขตโทษให้ เวส มอร์แกน โขกเช็ดให้ บิเซนเต้ อิบอร์รา โหม่งชงตั้งต่อให้ โอกาซากิ หวดด้วยขวาแฉลบ โรเบิร์ตสัน ซึ่งพยายามวิ่งมาบล็อคเข้าไป ส่งให้อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อสองฤดูกาลก่อนออกนำ 1-0
ถัดมานาทีที่ 78 เดอะ ฟ็อกซ์ มาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ โอกาซากิ แตะบอลให้ สลิมานี ลากตัดเข้าในจากกราบขวาก่อนจะซัดด้วยซ้ายตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0
จากนั้นไม่ประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ที่เอาชนะไป 2-0 กรุยทางผ่านเข้าสู่รอบสี่ในศึกคาราบาวคัพได้สำเร็จ ส่วนลิเวอร์พูลตกรอบไปตามระเบียบ โดยทั้งสองทีมจะได้ดวลกันอีกครั้งในพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้อีกด้วย
